[Blockchain] นิยามคำศัพท์ภาษาไทยสำหรับผู้เริ่มต้น
สวัสดีครับ วันนี้ผมมาเขียนคำศัพท์พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (มีอีเธอเรียมร่วมด้วยเล็ก ๆ น้อย ๆ) สำหรับคนที่ต้องเขียนเอกสารเป็นภาษาไทย โดยผมจะพยายามจะเขียนเป็นภาษาไทยให้ได้มากที่สุด (หลีกเลี่ยงการใช้ทับศัพท์)
เนื่องจากคำศัพท์ที่ยกมาต่อไปนี้ใช้อาจถูกใช้ในสาขาวิชาอื่น ๆ จึงขอชี้แจงคำศัพท์เพื่อเน้นถึงความหมายที่สอดคล้องกับศาสตร์ทางด้านบล็อกเชนและทางด้านความปลอดภัยคอมพิวเตอร์
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการนิยามคำศัพท์แบบไม่เป็นทางการ โปรดใช้วิจารณญาณก่อนนำไปใช้
• ธุรกรรม (transaction) คือกิจกรรมหรือข้อมูลที่ต้องการส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยต้องระบุผู้ส่งและผู้รับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการเงิน
• บล็อก (block) คือกลุ่มของธุรกรรมที่ถูกปิดบัญชีโดยนักขุด โดยแต่ละบล็อกจะมีค่าแฮชเพื่อใช้สำหรับอ้างอิง (identification)
• แฮชฟังก์ชัน (hash function) คือฟังก์ชันในการเปลี่ยนข้อมูลใด ๆ ให้เป็นข้อมูลที่มีขนาดคงที่ โดยไม่สามารถย้อนกลับไปหาข้อมูลเดิมได้โดยง่าย
• ลายเซ็นดิจิทัล (digital signature) คือสิ่งที่ยืนยันความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลและสามารถใช้ในการเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เซ็นเอกสารได้ โดยบุคคลนั้นไม่สามารถปฏิเสธการรับผิดชอบได้
• ความสมบูรณ์ของข้อมูล (data integrity) คือความสามารถในการตรวจสอบหรือพิสูจน์ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเอกสารหลังจากที่ได้มีการเซ็นไปแล้วหรือไม่
• บล็อกเชน (blockchain) คือเทคโนโลยีของฐานข้อมูลดิจิทัลประเภทหนึ่ง โดยข้อมูลจะถูกเก็บแบบกระจายตัว โดยมีกระบวนการทำฉันทามติเพื่อสร้างความจริงเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งมีการเชื่อมโยงกันระหว่างบล็อกโดยใช้ค่าแฮชเพื่อยืนยันความถูกต้องของบล็อกก่อนหน้า โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. บล็อกเชนแบบเปิด (permissionless or public blockchain) คือบล็อกเชนที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ผ่านทางเครื่องข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาต
2. บล็อกเชนแบบปิด (permissioned or private blockchain) คือบล็อกเชนที่ต้องขออนุญาตในการเข้าร่วมเครือข่าย
• ระบบกระจายตัว (decentralized system) คือระบบที่อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับระบบโดยไม่ต้องพึ่งพาหรือเชื่อถือตัวกลาง
• นักขุด (miner) คือโนดที่เข้าร่วมเครือข่ายบล็อกเชนเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม ซึ่งต้องปฏิบัติตามฉันทามติที่ระบบกำหนดไว้ก่อนที่จะปิดบัญชีเพื่อสร้างบล็อกใหม่และประกาศให้โนดอื่น ๆ ทราบต่อไป โดยกระบวนการนี้จะมีรางวัลให้กับนักขุดที่สามารถปิดบล็อกและประกาศได้เป็นลำดับแรก รวมทั้งค่าธรรมเนียมที่ผู้ส่งธุรกรรมต้องชำระมายังนักขุด
• ค่าธรรมเนียมธุรกรรม (transaction fee) คือมูลค่าที่ต้องชำระให้กับนักขุด โดยจำนวนของค่าธรรมเนียมจะแปรผันตรงกับความเร็วในการนำธุรกรรมนั้นเข้าสู่บล็อกเพื่อให้นักขุดปิดบัญชี
• เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P Network) คือเครือข่ายรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะกำหนดให้แต่ละโนดมีสิทธิเท่าเทียมกัน โดยแต่ละโนดอาจมีข้อมูลเป็นของตนเอง ซึ่งสามารถร้องขอหรือแบ่งปันข้อมูลให้โนดอื่น ๆ ได้
• โนด (node) คือ คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำหรับประมวลผล อาจหมายถึง CPU, GPU, FPGA หรือ ASIC
• ตัวประมวลผลจุดประสงค์เดียว (ASIC) คืออุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาทำงานแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และเป็นที่นิยมสำหรับใช้ในการปิดบัญชีในบางบล็อกเชน
• รางวัลจากการขุด (block reward) คือผลตอบแทนที่มีมูลค่าที่ได้จากการปิดบัญชี เพื่อดึงดูดให้นักขุดเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบบัญชีและบำรุงรักษาบล็อกเชนให้มีความปลอดภัย ซึ่งผลตอบแทนนี้จะส่งผลต่ออุปทานในทางเศรษฐศาสตร์
• ฉันทามติ (consensus) คือข้อตกลงที่ใช้ร่วมกันที่มีลักษณะเป็นการยอมรับแบบเอกฉันท์
• การพิสูจน์ด้วยการทำงาน (Proof of work: PoW) คือฉันทามติประเภทหนึ่ง ที่ต้องใช้กำลังในการประมวลผลทางด้านคอมพิวเตอร์ (อาจเรียกว่าการขุด, การปิดบัญชี, หรือการปิดบล็อก) ซึ่งกำลังในการประมวลผลเหล่านั้นจะถูกนำมาหาค่านอนซ์เพื่อสร้างค่าแฮชสำหรับปิดบัญชี โดยค่าแฮชต้องตรงกับเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ กระบวนการพิสูจน์ด้วยการทำงานมีหน้าที่อยู่ 2 อย่างคือ
1. เพื่อสร้างเหรียญใหม่ (block reward)
2. เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดการจ่าย 2 ครั้ง
• การค้ำประกันในบล็อกเชน (Proof of stake: PoS) คือฉันทามติประเภทหนึ่ง มีหน้าที่หลักเช่นเดียวกับการพิสูจน์ด้วยการทำงาน แต่ผู้ที่จะมาตรวจสอบธุรกรรมจำเป็นต้องวางหลักประกันไว้ในระบบ ซึ่งจะประกอบด้วยผู้ตรวจสอบ (validator) เพื่อทำหน้าที่ผลิต (mint) บล็อกใหม่
• ค่าความยากของการปิดบล็อก (block difficulty) คือตัวแปรหนึ่งในระบบบล็อกเชน มีเป้าหมายคือควบคุมอัตราการเกิดบล็อกใหม่ไม่ให้เร็วหรือช้าเกินไป โดยตัวแปรนี้จะอยู่ในรูปแบบของบิต
• ความสูงของบล็อก (block height) คือลำดับของบล็อกนั้น ๆ โดยนับเริ่มนับตั้งแต่บล็อกต้นกำเนิด
• นอนซ์ (nonce) คือค่าที่นักขุดต้องค้นหาเพื่อให้ค่าแฮชตรงตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดโดยค่าความยากของการปิดบล็อก โดยจะนำธุรกรรมทั้งหมดมารวมกับค่านี้ก่อนที่จะคำนวณหาค่าแฮช
• ระยะเวลาในการปิดบัญชี (block time) คือระยะเวลาระหว่างการปิดบัญชีระหว่าง 2 บล็อกที่อยู่ติดกัน โดยระยะเวลาได้จะขึ้นอยู่กับค่าความยากของการปิดบล็อก โดยปกติจะพูดถึงค่านี้โดยใช้ค่าเฉลี่ย
• การปรับค่าความยากของการปิดบล็อก (difficulty adjustment) คือการนำระยะเวลาในการปิดบัญชีในอดีตมาหาค่าเฉลี่ยเพื่อปรับค่าความยากของการปิดบล็อกเพื่อให้ระยะเวลาในการปิดบัญชีอยู่ในอัตราที่ระบบได้กำหนดไว้
• บล็อกแฮช (blockhash) คือค่าแฮชของบล็อกนั้น ๆ โดยสามารถใช้ค่านี้ในการอ้างอิงถึงบล็อกต่าง ๆ
• เวลาการประกาศบล็อก (block timestamp) คือเวลาที่นักขุดทำการบันทึกลงในบล็อกใด ๆ โดยค่านี้จะมีความใกล้เคียงกับเวลานักขุดทำการปิดบัญชีได้
• การแยกบล็อกเชน (Fork) คือ การแยกสายใหม่ของบล็อกเชนออกไปจากบล็อกเชนสายเก่า ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. การแยกแบบตั้งใจ (intentional fork) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.1 การแยกแบบแข็ง (hard fork) คือการแยกสายบล็อกเชนเพื่อสร้างระบบใหม่ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้กับบล็อกเชนสายเก่า โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะหลัก
1.2 การแยกแบบอ่อน (soft fork) คือการแยกสายบล็อกเชนเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะบางอย่างจากบล็อกเชนสายเก่า แต่ยังคงทำงานร่วมกับบล็อกเชนสายเก่าได้
2. การแยกแบบไม่ตั้งใจ (accidental fork) คือการแยกที่เกิดจากมีนักขุดมากกว่า 1 โนดสามารถปิดบัญชีได้ภายในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยผู้ชนะคือบล็อกที่มีบล็อกอื่นมาต่อเยอะที่สุด
3. การแยกเพื่อโจมตี (attack fork) คือการแยกเพื่อวัตถุประสงค์ในการโจมตี เช่นผู้โจมตีต้องการทำให้บล็อกบางบล็อกกลายเป็นโมฆะ
• การจ่ายสองครั้ง (double spending) คือการสร้างและส่งธุรกรรมเข้าไปในเครือข่ายบล็อกเชนมากกว่า 1 ธุรกรรมก่อนถึงเวลาในการปิดบัญชี โดยที่ระบบไม่อนุญาตให้ธุรกรรมเหล่านี้เข้าไปอยู่ในบล็อกได้ทั้งหมดเนื่องจากข้อมูลในธุรกรรมเหล่านั้นมีความขึ้นต่อกันหรือขัดแย้งกัน
• บล็อกต้นกำเนิด (genesis block) คือบล็อกแรกสุดของบล็อกเชนที่ไม่มีค่าแฮชชี้ไปยังบล็อกก่อนหน้า
• บล็อกแพเรนท์ (parent block) คือบล็อกที่อยู่ก่อนหน้าบล็อกลูก
• บล็อกลูก (child block) คือบล็อกที่มีต้นกำเนิดมาจากบล็อกแพเรนท์ ซึ่งบล็อกลูกจำเป็นต้องชี้ไปหาบล็อกแพเรนท์ด้วยค่าบล็อกแฮชของบล็อกแพเรนท์
• บล็อกกำพร้า (orphan blocks) คือบล็อกที่มีการปิดบัญชีตรงตามเงื่อนไขและมีการประกาศสู่เครือข่ายบล็อกเชนในเวลาใกล้เคียงกันกับบล็อคที่ได้รับการยอมรับ แต่ไม่มีบล็อกอื่นมาสร้างต่อจากบล็อกนี้
• บล็อกลุง (uncle blocks) คือบล็อกกำพร้าในบล็อกเชนอีเธอเรียม ซึ่งจะมีรางวัลจากการสร้างบล็อกประเภทนี้ แต่รางวัลจะไม่เท่ากับบล็อกที่ได้รับการยอมรับ
• เงินตราเข้ารหัสลับ (cryptocurrency) คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกแบบให้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ที่ใช้วิทยาการเข้ารหัสลับเพื่อรับประกันธุรกรรม เพื่อควบคุมการสร้างหน่วยเงินเพิ่ม และเพื่อยืนยันความถูกต้องของการโอนทรัพย์
• บิตคอยน์ (Bitcoin) คือเงินตราเข้ารหัสลับตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 2009 และเป็นต้นแบบในการสร้างเงินตราเข้ารหัสลับชนิดอื่น ๆ
• อีเธอเรียม (Ethereum) คือเงินตราเข้ารหัสลับประเภทหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเช่นเดียวกับบิตคอยน์ แต่ถูกแก้ไขข้อบกพร่องและเพิ่มความสามารถต่าง ๆ เช่นให้สามารถสัญญาอัจฉริยะสามารถทำงานได้
• สัญญาอัจฉริยะ (smart contract) คือซอร์สโค้ดที่ระบุขั้นตอนวิธีสำหรับงานใด ๆ ซึ่งจะถูกแปลงเป็น bytecode เพื่อให้สามารถนำไปติดตั้งบนบล็อกเชนได้
• อีวีเอ็ม (Ethereum Virtual Machine) หรือเครื่องเสมือนอีเธอเรียม เป็น turing complete machine สำหรับสัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชนอีเธอเรียม
• อีซีซี (Elliptic Curve Cryptography) คืออัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบไม่สมมาตรชนิดหนึ่ง
• กุญแจแบบไม่สมมาตร (Asymmetric keys) คือระบบที่ใช้กุญแจ 2 ดอก ดอกหนึ่งสำหรับเข้ารหัส ส่วนอีกดอกสำหรับใช้ถอดรหัส
• กุญแจส่วนตัว (Private key) คือ กุญแจสำหรับใช้เข้ารหัสเพื่อส่งหรือลงนามธุรกรรม
• กุญแจสาธารณะ (Public key) คือ กุญแจสำหรับถอดรหัสข้อมูลของผู้ที่เข้ารหัสด้วยกุญแจส่วนตัวซึ่งเป็นคู่ของกุญแจดอกนี้ ทั้งนี้เราสามารถส่งกุญแจสาธารณะของเราให้ใครก็ได้ที่เราอยากสื่อสารด้วย
• เลขบัญชีเงินตราเข้ารหัสลับ (cryptocurrency address) คือที่อยู่สำหรับรับธุรกรรมจากบัญชีอื่น ๆ โดยถูกสร้างจากกุญแจสาธารณะที่ถูกย่อส่วนให้มีความยาวคงที่
• กระเป๋าเงินดิจิทัล (cryptocurrency wallet) คือที่เก็บเงินตราเข้ารหัสลับ โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลจะทำหน้าที่เซ็นหรือส่งธุรกรรมโดยใช้รหัสรับ (private key)
• รหัสช่วยจำ (mnemonic) คือชุดของคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มนุษย์สามารถอ่านออกเสียงและจดจำได้ง่าย โดยจะใช้ในการสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลโดยผ่านกระบวนการดีเทอร์มินิสติก
• ดีเทอมินิสติก (deterministic) คือทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีปัจจัยที่สามารถกำหนดได้โดยสมบูรณ์
• ข้อมูลต้นกำเนิด (seed) คือข้อมูลดิจิทัลใด ๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นต้นกำเนิดในการสร้างผลลัพธ์ (บางครั้งอาจใช้คำนี้สื่อถึงรหัสช่วยจำ) โดยข้อมูลต้นกำเนิดที่ดีจะต้องมีค่าเอนโทรปีที่สูง
• เอนโทรปี (entropy) คือตัวชี้วัดของความผิดปกติของระบบใด ๆ
• เมตะมาส์ก (MetaMask) คือแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลบนสมาร์ทโฟนและเว็บเบราเซอร์ที่สามารถโต้ตอบกับอีเธอเรียมบล็อกเชนได้ ซึ่งใช้เว็บธรีในการพัฒนา
• เว็บธรี (Web3) คือไลบรารี่ที่อำนวยความสะดวกในการติดต่อกับเว็บไซต์แบบกระจายอำนาจ (decentralize)
• ภาษาโซลิดิตี (Solidity) คือภาษาชนิดหนึ่งที่สามารถใช้เขียนสัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชนอีเธอเรียม
• แก๊ส (gas) คือจำนวนของเชื้อเพลิงที่ใช้บนบล็อกเชนอีเธอเรียม ซึ่งต้องจ่ายให้นักขุดเพื่อนให้นักขุดนำธุรกรรมนี้ไปประมวลผลเพื่อปิดบัญชี
• ค่าแก๊ส (gas price) คือค่าแก๊สต่อ 1 หน่วย ซึ่งเป็นสกุลอีเธอเรียม ซึ่งค่าแก๊สจะแปรผันตรงกับความเร็วในการนำธุรกรรมเข้าสู่บล็อกเพื่อปิดบัญชี
• แก๊สลิมิตของธุรกรรม (transaction gas limit) คือการกำหนดจำนวนของแก๊สไม่ให้เกินค่านี้ ซึ่งสามารถระบุได้ตั้งแต่ตอนสร้างธุรกรรม หากแก๊สที่ใช้จริงเกินค่านี้จะส่งผลให้ธุรกรรมล้มเหลว และต้องเสียค่าแก๊สให้นักขุด ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ในการจำลองการทำธุรกรรมว่าสำเร็จหรือไม่ หากไม่สำเร็จซอฟต์แวร์จะไม่ส่งธุรกรรมให้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเงิน เช่นเมตะมาส์ก
• แก๊สลิมิตของบล็อก (block gas limit) เป็นการบอกขนาดของบล็อกที่สามารถเก็บธุรกรรมต่าง ๆ ไว้ภายในบล็อก โดยแต่ละธุรกรรมต้องมีแก๊สรวมกันไม่เกินค่านี้
หากท่าไหนมีคำแนะนำหรือต้องการเพิ่มคำศัพท์ไหน สามารถแสดงความคิดเห็นใต้บทความนี้ได้เลยครับ
คำศัพท์อื่น ๆ
51 Percent Attack
Airdrop
Algorithm
Altcoin
ASIC-Resistant
Asynchronous
Atomic Swap